Kokoonic โปรตีนแมลงแห่งอนาคต

“แมลง” คำที่หลายๆ คนฟังแล้วอาจจะรู้สึกกลัว แต่รู้หรือไม่ว่า แมลงมีคุณค่าโภชนาการสูงมาก และมีส่วนสำคัญเกี่ยวข้องกับความยั่งยืนของโลก คุณประโยชน์จากแมลงเหล่านี้ ทำให้ Kokoonic เกิดความสนใจและเริ่มศึกษา จนสามารถต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนจาก “ดักแด้ไหมอีรี่” ได้สำเร็จ

.

ดักแด้ไหมอีรี่ที่ถูกเลือก

เดิมทีทางแบรนด์ต้องการสรรหาวัตถุดิบจากธรรมชาติ เพื่อนำมาผลิตเส้นใยในวงการอุตสาหกรรมสิ่งทอ ทำให้มีโอกาสได้รู้จักกับดักแด้ไหมอีรี่ ที่มีความน่าสนใจ นั่นก็คือ ดักแด้ไหมอีรี่มีอาหารหลักเป็นใบมันสำปะหลัง ประกอบกับประเทศไทยมีการปลูกมันสำปะหลังเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะมีเพียงแค่หัวมันสำปะหลังที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ ส่วนของใบมันสำปะหลังจะถูกนำไปทิ้ง ทางแบรนด์จึงเห็นว่านี่คือหนทางในการช่วยเหลือเกษตรกรให้เกิดรายได้ และยังเป็นการช่วยลดขยะด้วยเช่นกัน จึงคิดที่จะลองเลี้ยงดักแด้ไหมอีรี่เพื่อให้ผลิตเส้นไหมสด แต่กลับพบว่าดักแด้ไหมอีรี่นั้นผลิตเส้นไหมได้เพียงอัตราส่วน 1 ต่อ 10 ซึ่งก็คือรังไหม 1 รัง จะมี เส้นไหมสด เพียง 1 ส่วน และเป็นไฟเบอร์อีก 9 ส่วนที่ไม่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ต่อ ดังนั้นทางแบรนด์จึงเริ่มทำการศึกษาวิจัยหาวิธีการนำไฟเบอร์เหล่านี้มาใช้ จุดประกายความคิดใหม่ขึ้นว่ามา หากนำดักแด้ไหมอีรี่มาทำเป็นอาหารจะเป็นอย่างไร

.

โปรตีนสะอาด คือคำตอบแห่งอนาคต

หลังจากค้นคว้าข้อมูลก็พบว่า ดักแด้ไหมอีรี่ คือสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ เพราะเป็นแหล่งโปรตีนสูง ที่สะอาด และกำลังอยู่ในความสนใจของกระแสโลก ที่จะทำฟาร์มแมลง เพื่อใช้เป็นแหล่งโปรตีนสำหรับโลกอนาคต จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการลุกขึ้นมาทำเรื่องอาหารอย่างจริงจัง

สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งสำหรับการทำผลิตภัณฑ์อาหาร คือเรื่องรสชาติ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์ของคุณจะดีแค่ไหน แต่ถ้ารสชาติไม่ดี ไม่อร่อย ก็ยากที่จะขายได้ ส่วนที่สำคัญต่อมาคือเรื่องการตลาด จะทำอย่างไรเพื่อให้ผลิตภัณฑ์นั้นไปต่อได้ ซึ่งสำหรับทาง Kokoonic เริ่มต้นจากการทำธุรกิจแบบ Business to Business (B2B) ก่อน เพราะยังเป็นเรื่องใหม่เกินกว่าที่คนทั่วไปจะยอมรับได้ โดยเริ่มเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเอเชีย ด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มโปรตีนและพลังงานทดแทน ที่จะเปลี่ยนความคิดเรื่องการกินแมลง โดยใช้เรื่องความอร่อยเป็นจุดแข็งหลัก เพื่อเปิดใจผู้บริโภคให้มีความรู้ ความเข้าใจว่า ถึงผลิตภัณฑ์ของ Kokoonic จะเป็นโปรตีนที่ทำมาจากแมลงก็จริง แต่มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก สะอาด และรสชาติอร่อย จนเริ่มมีกลุ่มผู้ประกอบการให้ความสนใจ เกิดเป็นการทำงานพัฒนาสินค้าใหม่ๆ จากโปรตีนแมลงร่วมกัน แล้วจึงวางแผนต่อไปสู่กลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคทั่วไปแบบ Business to Customer (B2C) สร้างฐานลูกค้าขึ้นเพื่อรองรับสินค้าโปรตีนจากแมลงเหล่านี้ เป็นวงจรที่ขับเคลื่อนเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน

.

ส่งเสริมทีมงาน ให้เข้มแข็ง

นอกจากการสร้างวงจรทางธุรกิจให้เกิดขึ้นแล้ว ในฝั่งของทีมงานเอง ทาง Kokoonic ก็มีความตั้งใจมาตั้งแต่เริ่มแรก ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น โดยมีการส่งเสริมเกษตรกรที่เลี้ยงไหมให้โตไปพร้อมกัน ด้วยการสร้างคุณค่าในอาชีพให้พวกเขามีรายได้ เมื่อพวกเขาอยู่ได้เติบโตได้ แบรนด์ก็จะเติบโตไปพร้อมกันกับเขา ผลปรากฎว่าเมื่อเกษตรกรเลี้ยงชีพด้วยอาชีพนี้ได้ พวกเขาก็ยังเป็นแรงสำคัญในการกระจายความรู้ที่ได้จากชุมชนหนึ่งไปสู่ไปอีกชุมชนหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากตำบลนี้ทำได้ ขยายไปเป็นอำเภอนี้ทำได้ด้วย ทำให้ตรงนี้เป็นจุดหนึ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนในมุมของเกษตรกรอีกด้วย และเป็นแรงขับเคลื่อนให้แบรนด์มุ่งหน้าทำต่อไป
.

ความตั้งใจเพื่อทุกคนบนโลก

สิ่งที่แบรนด์มุ่งมั่นจะทำให้ถึงที่สุด คือ การทำโปรตีนสะอาดจากดักแด้ไหมอีรี่ให้เกิดขึ้น และทำให้ทุกคนบนโลกสามารถยอมรับได้ โดยมีคำที่ Kokoonic ใช้เตือนตัวเองเสมอว่า Remember why you start it จดจำไว้อยู่เสมอว่า ได้เริ่มทำสิ่งนี้เพราะอะไร ไม่ว่าจะสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ก็ต้องยืนหยัดที่จะสู้ต่อไป ความอดทนไม่ย่อท้อต่อความลำบากหรือความพ่ายแพ้ในจิตใจ คือสิ่งที่ทำให้เห็นหนทางเดินไปต่อได้

.

สามารถติดตาม Kokoonic ได้ที่
Kokoonic Company Limited
เลขที่ 21 ชั้นที่ 5 ซอยราษฎร์บูรณะ 44 แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร 10140
Tel: 096-924-1545
Email: admin@kokoonic.com
Website : kokoonic.com
Facebook: kokoonicofficial
Instagram: Kokoonic_official

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ

 

PDM เสื่อพลาสติกพลิกวงการเสื่อไทย

“เสื่อผืนหมอนใบ” คือคำติดหูที่ได้ยินมาตลอด เป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจของแบรนด์ PDM (Product Design Matters) ที่มองเห็นความสำคัญในประโยชน์จากเสื่อผืนเดียว แต่กลับรองรับกิจกรรมได้หลากหลายอิริยาบถ ไม่ว่าจะใช้สำหรับต้อนรับแขก ใช้ปูรองนั่งขณะรับประทานอาหารร่วมกัน หรือแม้แต่ใช้สำหรับนอน เสื่อจึงเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนไทยมาอย่างยาวนาน ทางแบรนด์จึงนำมาทำการพัฒนาต่อยอด จนกลายเป็นเสื่อจากพลาสติก Recycle ล้างภาพเสื่อคุ้นตารูปแบบเดิม เพิ่มการออกแบบใหม่ สร้างภาพลักษณ์ให้บ้านสวยขึ้นทันตาได้ด้วยเสื่อผืน

.

สินค้า PDM ชูรสชาติให้พื้นที่ชีวิต

สิ่งที่จุดประกายให้กับแบรนด์ มาจากเพื่อนชาวต่างชาติที่พูดขึ้นว่า เสื่อไทยสามารถใช้แทนพรมได้เลย ในต่างประเทศพรมคือสิ่งที่ช่วยประดับบ้าน เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับบ้าน ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้กับพื้นที่นั้นๆ ทำให้บ้านดูอิ่ม สดชื่น และสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แต่สภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทยนั้นไม่เหมาะกับการใช้พรม จึงทำให้ทางแบรนด์มองหาวัสดุใหม่ที่จะตอบโจทย์กับสภาพอากาศ อีกทั้งยังต้องสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย และมีความเป็นไทย โจทย์นี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการเกิดเป็นเสื่อพลาสติก PDM 

ทางแบรนด์พัฒนาคุณสมบัติของพลาสติกที่นำมาใช้เป็นวัสดุหลักของเสื่อ ให้ป้องกันไฟลุกลาม เลือกวิธีการทอให้สามารถใช้งานได้ทั้ง 2 ด้าน มีการทอพรมที่แน่นเพื่อความทนทาน และเลือกพื้นผิวแบบด้านเพื่อให้เวลาปูห้องแล้วไม่สะท้อนแสงไฟเช่นเดียวกับการปูพรม ด้วยวัสดุที่เป็นพลาสติก ทำให้มีน้ำหนักเบาและสามารถทำความสะอาดได้ง่าย 

ส่วนที่สำคัญที่สุดคือความตั้งใจออกแบบลวดลายของเสื่อ โดยกำหนดเกณฑ์ไว้ว่า ถ้าลูกค้าจะมองหาพรมประดับบ้าน จะต้องมีชื่อ PDM เป็น 1 ในตัวเลือก สินค้าแต่ละชิ้นต้องผ่านการทดสอบความทนทาน ไปจนถึงความเข้ากันได้กับเฟอร์นิเจอร์รูปแบบต่าง ๆ ในบ้าน จนทำให้มั่นใจได้ว่า เมื่อใครก็ตามที่นำเสื่อ PDM ไปใช้ จะทำให้บ้านดูสวยหรูขึ้นทันตา ดั่งสโลแกนของแบรนด์ว่า “PDM สวยเฉียบพลัน แค่ปูก็จบแล้ว”

PDM มองว่าเสื่อเปรียบเสมือนผงชูรส หน้าที่ของมันคือเป็นสิ่งที่ไปเติมเต็มให้กับสินค้าอื่น ทางแบรนด์จึงคิดสร้างสรรค์เสื่อหลากหลายรูปแบบ เพื่อสนองรสนิยมที่แตกต่างกันของลูกค้า โดยมีทั้งแบบเรียบง่ายสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน แบบลายพิเศษที่จำหน่ายเป็นวาระ หรือแม้แต่เสื่อรูปทรงต่าง ๆ ที่เป็นมากกว่าทรงสี่เหลี่ยม ให้สินค้าดูทันสมัย ในแบบที่ไม่ว่าจะผ่านไปอีกหลายปี แล้วมองกลับมาเมื่อใด สินค้าก็จะยังดูทันสมัยอยู่ ไม่ตกยุค เป็นสิ่งที่ใช้งานต่อไปได้เป็นเวลานาน

.

ต่างกลุ่มเป้าหมาย แต่ใจเดียวกัน

กลุ่มลูกค้าเป้าหมายแรกของ PDM คือ กลุ่มดารานักแสดง นักศึกษา รวมถึงเจ้าของธุรกิจรีสอร์ต ที่นิยมตกแต่งบ้านด้วยงานออกแบบ แต่เนื่องจากการใช้ช่องทางหลักในโลกออนไลน์ ทำให้กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ถูกขยายวงกว้างขึ้น จนไม่สามารถจำกัดกลุ่มลูกค้าได้อีกต่อไป เพราะลูกค้าของ PDM กลายเป็นกลุ่มคนที่มีความชอบ หรือมีรสนิยมที่คล้ายกัน ทางแบรนด์จึงพยายามเก็บข้อมูล ความชอบ ความต้องการ ของกลุ่มลูกค้า เพื่อนำมาออกแบบสินค้ามาให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าจริงๆ ผ่านการใช้ Digital Marketing ทำให้ PDM เป็นธุรกิจที่เรียกได้ว่าไม่มีสต๊อกสินค้า (Zero Stock) เพราะ PDM ผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้า คือ Demand กับ Supply บวกลบกันเท่ากับ 0 ยิ่งเป็นการช่วยลดการสร้างขยะในปัจจุบัน

.

Enhance The Living

PDM อยากเห็นคนไทยมีบ้านสวย เหมือนที่หลายๆ คนชอบดูภาพบ้านต่างประเทศตามนิตยสาร แต่ถ้าหากมาลองดูให้ลึกแล้ว ของแต่งบ้านหลายอย่างนั้นมีแหล่งผลิตอยู่ใกล้ตัวเราทั้งนั้น ทางแบรนด์จึงอยากเข้ามาเป็นผู้ช่วยในการหาสินค้า รวบรวมของแต่งบ้านดีไซน์สวย มีคุณภาพที่ดี และมีราคาที่สมเหตุสมผล ส่งตรงจากผู้ผลิตถึงมือลูกค้าโดยไม่ผ่านคนกลางใด ๆ ด้วยช่องทางออนไลน์ที่แบรนด์มี

.

New Normal, New Opportunities

สถานการณ์โควิด-19 นี้ หลายๆ คนได้มีโอกาสอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้มีความสนใจเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยมากขึ้น ประจวบเหมาะกับที่ PDM เป็นสินค้าตกแต่งบ้าน ทำให้ลูกค้าเชื่อมโยงกับ PDM ได้ง่ายขึ้น ในช่องทางออนไลน์ต่างๆ ทางแบรนด์จึงได้ใช้โอกาสนี้ ในการทดลองสื่อสารกับลูกค้ามากขึ้น ด้วยการทำสินค้าใหม่ ๆ ที่จะตอบโจทย์คนรักการแต่งบ้าน เช่น โต๊ะเตี้ยที่สามารถแขวนผนังเป็นภาพศิลปะได้ เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศภายในบ้าน ให้สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างไม่จำเจ ในขณะที่ผู้คนต้อง Work From Home กันอยู่เป็นเวลานาน

แนวคิดในการเป็นแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดคิด ของ PDM คือ ต้องเดินไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคนี้ จึงทำให้มีรูปแบบการทำงาน คือ ทำไปด้วย คิดไปด้วย ไม่ใช่คิดก่อนแล้วค่อยทำแบบสมัยก่อนอีกต่อไป แบรนด์เชื่อว่าไม่มีผลงานใดที่สมบูรณ์ 100% ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ต้องมีการแก้ไขและพัฒนาผลงานอยู่เสมอ แต่ต้องรักษาระดับมาตรฐานให้ถึงเกณฑ์ที่จะตอบโจทย์ความต้องการให้ได้ ทำให้แบรนด์เลือกที่จะไม่ยึดติดกับการทำผลิตภัณฑ์เพียงชิ้นใดชิ้นหนึ่งจนเต็ม 100% ถึงค่อยวางขาย แต่เป็นการเรียนรู้ แก้ไข และพัฒนาไปในทุกกระบวนการมากกว่า ให้ดีขึ้นทุกครั้งที่ออกสินค้ารุ่นใหม่ ยังมีคำพูดที่ติดปากกันเองคือคำว่า “เอาไงต่อ” เพื่อขับเคลื่อนให้แบรนด์เรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะล้มเหลวหรือสำเร็จก็จะไม่หยุด

.

สามารถติดตาม PDM Brand ได้ที่
บริษัท พีดีเอ็ม แบรนด์ จำกัด
8 ซ.พัฒนาการ 20 แยก 4 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250
Tel: 02-318-2566, 094-976-3883
Email: info@pdmbrand.com
Website : www.pdmbrand.com
Facebook: PDMBRAND
Instagram: pdmbrand
Line: @pdmbrand

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ

Moreloop หมุนเวียนคุณค่า ชุบชีวิตผ้าเหลือใช้

จากความสนใจส่วนตัวที่เกิดขึ้นเพื่อต้องการแก้ปัญหาเรื่องผ้าเหลือใช้จากโรงงาน ที่มีจำนวนหนึ่งพันล้านหลาต่อปี เกิดเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมผ้าเหลือ เพื่อทรัพยากรกลับมาหมุนเวียนใหม่ให้เป็นประโยชน์ รวมทั้งเป็นสื่อกลางสำหรับส่งต่อวัตถุดิบเหลือใช้จากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง
.
เห็นของเหลือให้เป็นวัตถุดิบ

จุดเริ่มต้นจากการเปลี่ยนความคิดเรื่องขยะเศษผ้า มองให้เห็นคุณค่าในรูปแบบวัตถุดิบ หลังจากเห็นโอกาสนี้แล้ว จึงเกิดความคิดขึ้นว่าการจะซื้อขายวัตถุดิบเหล่านี้ ควรจะต้องมีตลาดมาเป็นกลไกรองรับ ซึ่งในปัจจุบันสามารถที่จะสร้างตลาดออนไลน์ขึ้นมาได้ไม่ยาก

หลังจากศึกษาหาข้อมูล ก็พบว่าเหล่าโรงงานผลิตเสื้อผ้านั้นมักจะมีผ้าเหลือใช้ จากการสั่งผ้ามาสำรองในการผลิต เป็นผ้าใหม่เต็มม้วนที่ยังไม่ถูกใช้งาน ซึ่งในประเทศไทยมีผ้าเหลือจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านหลาในแต่ละปี ถ้าคำนวนออกมาแล้วสามารถผลิตเสื้อได้มากถึง 700 ล้านตัว เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างแพล็ตฟอร์มเชื่อมโยงให้เกิดการหมุนเวียนของเหลือใช้จากที่หนึ่ง ไปยังผู้ที่มีความต้องการใช้งานในอีกที่หนึ่งขึ้น ช่วยแก้ปัญหากับผ้าเหลือจากทางโรงงาน ให้มาพบกับผู้ที่ต้องการผ้าเหล่านั้น

.

รู้จักกลุ่มเป้าหมาย เห็นโอกาสที่ตอบโจทย์

เริ่มแรกของ Moreloop ในการเป็นตัวกลางออนไลน์รวบรวมผ้าเหลือใช้ให้ถึงมือผู้ใช้ โจทย์ยากก็คือ ความมั่นใจในคุณภาพสินค้า เนื่องจากการซื้อผ้าตามปกติลูกค้ามักจะต้องเลือกดูเนื้อผ้าก่อน เมื่อรู้ในจุดนี้จึงได้ทำการเพิ่มข้อมูลทั้งในส่วนของรายละเอียดเนื้อผ้า และตัวอย่างการทำเป็นผลิตภัณฑ์ นอกจากนั้นยังมีส่วนที่ให้ลูกค้าสามารถขอชิ้นส่วนตัวอย่างผ้าไปส่งถึงที่ได้ รวมถึงเปิดให้ลูกค้าสามารถเข้ามาเลือกดูผ้าที่โรงงานได้อีกด้วย 

การเป็นตัวกลางเชื่อมโยงทุกฝ่าย สิ่งสำคัญคือ ความเชื่อใจ และการเข้าถึงง่าย ต้องสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่าย เข้าถึงแบรนด์ได้สะดวก รวดเร็ว และง่ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงผ่านทางเว็บไซต์ ติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ หรือทางไลน์ของทางแบรนด์

เพราะมีหลากหลายช่องทางให้เข้าถึงง่าย ทำให้ได้รับความสนใจจากทางลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยจุดหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาตอบโจทย์จนได้ใจลูกค้า คือ คนทำแบรนด์เสื้อผ้า SME เพราะว่าเวลาสั่งวัตถุดิบส่วนมากต้องมีขั้นต่ำ ซึ่งไม่ใช่ SME ทุกคนจะสามารถสั่งผ้าจนถึงขั้นต่ำไหว ทาง Moreloop จึงเป็นตัวเชื่อมโยงเพื่อให้ร้านค้าเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบคุณภาพดีได้ โดยไม่ต้องคำนึงเรื่องปริมาณการสั่ง
.
สรรค์สร้างอย่างสร้างสรรค์
นอกจากเป็นแพลตฟอร์มการขายผ้าแล้ว ทางแบรนด์ก็ยังมีช่องทางสร้างรายได้ จากผลิตภัณฑ์ในแบรนด์ “Moreloop” เป็นของตัวเอง โดยเน้นไปที่การผลิตเสื้อผ้ายั่งยืนหรือของใช้ที่ทำมาจากผ้าเหลือใช้ ทั้งยังมีการร่วมงานกับเหล่าดีไซน์เนอร์เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์
.
ปรับตัวอยู่กับ Next Normal

สถานการณ์โควิด-19 เป็นสิ่งที่ต้องเผชิญกันทั่วหน้า ทางแบรนด์ก็ได้มีการปรับตัวเช่นกัน โดย เน้นไปทางการทำสินค้าขายปลีก เช่น ทำหน้ากากผ้า หรือพัฒนามาทำเสื้อ Zerospace ที่เป็นชุด PPE แบบเล็ก เพื่อสวมใส่ออกไปนอกบ้าน นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทางแบรนด์ก็ได้ใช้เวลาในการพัฒนาระบบหลังบ้านของตัวเอง ให้หน้าเว็บไซต์ใช้งานได้ง่ายขึ้น มีฟังก์ชันที่ตอบสนองลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น 

 Moreloop ไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้ ยังคอยส่งไอเดียของตัวเองไปประกวดในหลายๆ ที่ เป็นการวางแผนอนาคตของแบรนด์ให้สามารถปรับตัว และโตไปกับ Next Normal ต่อไปได้

.

มุ่งสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

ความตั้งใจสูงสุดของ Moreloop คือการหมุนเวียนทรัพยากร เน้นการใช้สิ่งของที่เหลือและไม่ผลิตของใหม่ ด้วยคตินี้ทำให้ทางแบรนด์ช่วยทำให้โรงงานผ้าเกิดรายได้จากการขายผ้าเหลือ และได้ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไปควบคู่กัน เมื่อไม่ผลิตของใหม่ ก็ทำให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อีกทั้งความใส่ใจของแบรนด์ที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ ทำให้ทุกๆ ผลิตภัณฑ์ของ Moreloop จะผ่านการคำนวณเรื่องขั้นตอนที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาทั้งหมด โดยปัจจุบันทางแบรนด์สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปได้ถึง 420 ตันต่อปี และมีเป้าหมายภายในปี 2024 คือ ช่วยลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1,000 ตันต่อปี

.

Moreloop Happy Loop

พลังบวกในการทำธุรกิจของ Moreloop ที่ทำให้แบรนด์มีกำลังใจในการเดินต่อในเส้นทางนี้ คือ คำตอบรับจากทั้งคู่ค้าและลูกค้า คู่ค้าได้ขอบคุณ Moreloop ที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้เข้ามามากขึ้น มีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกัน ส่วนลูกค้าก็มีบางคนที่ชอบ ผลิตภัณฑ์ของ Moreloop และยกให้เป็นแบรนด์โปรด หรือแม้กระทั่งลูกค้าที่ซื้อผ้า แล้วนำไปใช้ในการประกวดที่เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน ได้ชนะการประกวดและถูกติดต่องานไปขายที่ต่างประเทศ ทางแบรนด์ก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของลูกค้า เปรียบเสมือนว่า แบรนด์สามารถแก้ปัญหาให้กับคนได้หลายๆ คน และยังมีความยั่งยืนเกิดขึ้นไปพร้อมกันด้วย

.

สามารถติดตาม Moreloop ได้ที่
Website: https://moreloop.ws/
Facebook: www.facebook.com/moreloopws/
Instagram: moreloop.ws
Line: @moreloop
Tel: 081-559-9855
Email: contact@moreloop.ws

 

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ

Getnature ธรรมชาตินิรันดร์ในเครื่องประดับ

จากศิลปะเรซิ่นทำมือชิ้นเล็กๆ ในงานออกร้านของมหาวิทยาลัย พัฒนามาเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจออนไลน์ Getnature เครื่องประดับ ของขวัญ และของตกแต่ง จากดอกไม้ธรรมชาติ และต่อยอดสู่การรวบรวมผู้เชี่ยวชาญในสายงานคราฟต์ มาเปิดคลาสสอนงานฝีมือออนไลน์ในชื่อว่า Handexp.com 

.

เก็บเสน่ห์ธรรมชาติไว้ใกล้ตัว

จากความรู้ความสนใจในการทำดอกไม้แห้ง สู่ไอเดียที่จะทำผลิตภัณฑ์ที่สามารถเก็บรักษาความงามจากธรรมชาตินี้ไว้ให้คงอยู่นิรันดร์ วัตถุดิบดอกไม้ที่ทาง Getnature คัดสรรนำมาเป็นส่วนประกอบนั้นจึงไม่ได้มีเพียงแต่ความสวยงามของดอกไม้ที่นำมาใช้ แต่ล้วนต้องมีความหมายที่ดีในตัวเองด้วย การนำดอกไม้มาใช้ในงานเรซิ่น ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในธรรมชาติของดอกไม้แต่ละชนิด รวมถึงความใส่ใจในขั้นตอนรายละเอียดอย่างแท้จริง เพื่อให้ดอกไม้ได้ผ่านกระบวนการทำดอกไม้แห้งที่เหมาะสมในแต่ละดอก ก่อนที่จะหยิบมาใช้สร้างสรรค์ผลงาน 

ผลิตภัณฑ์ของ Getnature จึงมีเอกลักษณ์และดูสดใหม่เหมือนหยุดเวลาของดอกไม้เอาไว้ให้คงความสดใสเหมือนยังอยู่ในธรรมชาติ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ถูกปล่อยออกมาในแต่ละช่วง จะเกี่ยวข้องกับฤดูกาลของดอกไม้แต่ละชนิด Collection ต่าง ๆ จึงถูกคิดและออกแบบมาด้วยความพิถีพิถัน เอาใจใส่ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นมีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีคำที่ใช้เรียกกันในแบรนด์ว่า ฤดูดอกไม้ ฤดูปล่อยของ

ดอกไม้ที่ทางร้านนิยมนำมาใช้ เป็นดอกไม้ที่มีปลูกในประเทศไทย สีสันสวยงาม และมีความหมายในทางที่ดี โดยสามารถถือเป็นการใช้ธรรมชาติบำบัด ตัวอย่างดอกไม้ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ดอกเอมมี่มาจัส คือ ดอกไม้แห่งความมีเสน่ห์, ดอกไฮเดรนเยีย คือ ดอกไม้แห่งความมั่งคั่งร่ำรวยและความอุดมสมบูรณ์ เพราะใช้ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก แบรนด์จึงสามารถเข้าถึงผู้คนและได้รับความสนใจจากลูกค้าจากทั่วโลก โดยเป็นชาวต่างชาติประมาณ 70% และคนไทยประมาณ 30% นอกจากนี้ยังได้มีการร่วมงานกับดีไซเนอร์ชาวต่างชาติ โดยทางแบรนด์รับบทบาทเป็นผู้ผลิต เพื่อผลิตผลงานให้กับแบรนด์ในต่างประเทศ 

ในปัจจุบัน Getnature สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการหาสินค้าเครื่องประดับตกแต่ง ของขวัญ และกำลังทำตลาดแตกออกไปในกลุ่ม Hi-end โดยเน้นไปที่การทำสิ่งของที่ตกแต่งบนโต๊ะอาหารสไตล์ยุโรป

แม้ว่าทางแบรนด์จะมีการใช้เครื่องจักรมาช่วยในการผลิต แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะสำหรับงาน ฝีมือแล้ว ทุกชิ้นงานยังต้องใช้กำลังคนในการทำ ผลิตภัณฑ์ของทาง Getnature จึงเป็นงานหัตถศิลป์ที่ผสมผสานการใช้เครื่องจักรเข้าด้วยกันไว้อย่างลงตัว

.

ทำทุกก้าว ให้เป็นก้าวแห่งการเติบโต

Getnature เรียนรู้ที่จะไม่หยุดปรับตัว เพื่อเตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์ จากเดิมที่เคยไปออกตามงานแสดงสินค้าเล็ก ๆ ก็พยายามขยับขยายเดินหน้าสู่งานแสดงสินค้าที่ใหญ่ขึ้น และสุดท้ายคือกล้าที่จะก้าวออกไปสู่ตลาดต่างประเทศ เพราะทางแบรนด์ต้องการครองใจลูกค้าทุกกลุ่มให้ “เมื่อนึกถึงงานเรซิ่น ต้องนึกถึง Getnature”
.

ปรับตัวให้กับเข้ากับ New Normal

แม้ต้องพบเจอกับสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ทาง Getnature ได้พยายามปรับรูปแบบของผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ เพื่อให้เข้ากับรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไปในสถานการณ์นี้ โดยจากเดิมที่เน้นผลิตสินค้ากลุ่มเครื่องประดับตกแต่ง แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาแบรนด์ให้มาผลิตสินค้ากลุ่มตกแต่งบ้านเพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าส่วนมากที่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น 

.

กักตัวแต่ไม่กักฝีมือ 

นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่ทางแบรนด์คิดขึ้นมาในช่วงสถานการณ์โควิด-19 คือการเปิดคลาสงานฝีมือออนไลน์ในชื่อ Handexp ซึ่งเป็นการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านงานฝีมือในอุตสาหกรรมเดียวกันมาสอนให้กับผู้ที่สนใจในงานฝีมือผ่านทางเว็ปไซต์ www.handexp.com

.

เห็นคุณค่าจากวัตถุดิบที่ถูกมองข้าม

สิ่งที่ทางแบรนด์มองไปในอนาคต คือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมา จากวัสดุทั่วไปที่คนไม่เห็นความสำคัญนำมาทำให้มีคุณค่ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการหยิบเศษแก้วที่แตก ถ่านหิน ชาโคล หรือเศษอัญมณีต่าง ๆ มาพัฒนาและสรรสร้างเป็นของตกแต่งใหม่ ๆ ให้เหล่านักสะสมผู้ชื่นชอบในงานฝีมือนี้ได้ติดตามกันต่อไป

.

ผู้ที่สนใจสามารถติดตาม Getnature ได้ที่
155/25 หมู่บ้าน นฤรัตน์ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม 73170
Tel: 098-196-9466
Email: getnature.house@gmail.com
Website: http://th.pinkoi.com/store/getnaturehouse
Facebook: https://www.facebook.com/getnature.house/

Instagram: getnature.house
Line: @getnature

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

 

บทความแนะนำ

หนองพงนก เบเกอรี่เพื่อคนทุกกลุ่ม

หนองพงนก เบเกอรี่เพื่อคนทุกกลุ่ม

จากร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ที่ขายตามหมู่บ้านโซนนอกเมือง ในราคาที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ สู่บริษัท หนองพงนก เบเกอรี่ แอนด์ ฟู้ด จำกัด หรือ รู้จักกันในขื่อ เค้กหนองพงนก จากชื่อหมู่บ้านที่เป็นจุดกำเนิดธุรกิจ เค้กหนองพงนกประสบความสำเร็จจนสามารถเข้าถึงใจคนทุกกลุ่มเป้าหมาย  ด้วยเบเกอรี่คุณภาพสูงแต่ราคาไม่สูง ที่พร้อมปรับตัวหาช่องทางใหม่ ๆ อยู่เสมอ 

 

ปรับรูปลักษณ์เพิ่มโอกาสทางการค้า 

จากธุรกิจครอบครัวที่ไม่มีใครสานต่อ คุณสมัชชา สีทันดร ได้กลับมาพัฒนาธุรกิจที่ผูกพันมาตั้งแต่เด็ก โดยมองไปที่การรีแบรนด์ร้านเบเกอรี่ใหม่ จากขนมที่ทำสดแล้วขายตามหมู่บ้านหรือตามโรงเรียน ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยเริ่มสำรวจตลาดกลุ่มร้านกาแฟ ศึกษาลักษณะของขนมที่น่าจะทำกำไรได้ และนำมาประยุกต์ให้เข้ากับแบรนด์ของตน เค้กที่รู้จักแค่ในกลุ่มชาวบ้าน จึงค่อยๆ ขยับขึ้นมาสู่ตลาดระดับกลาง นอกจากแบรนด์ที่ปรับเปลี่ยนตลาดแล้ว ยังได้ส่งต่อคำแนะนำแนวคิดนี้ให้แก่กลุ่มลูกค้าเดิมที่ซื้อไปจำหน่ายต่ออีกด้วย 

เพราะเป็นเบเกอรี่ที่พัฒนามาให้ตอบโจทย์กลุ่มคนที่หลากหลาย ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป และมีคุณภาพ ทำให้เค้กหนองพงนกได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและเติบโต จนกลายเป็นสินค้าขายดีของอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม สามารถกระจายสินค้าไปได้ทั้งในหมู่ลูกค้าปลีก ลูกค้าส่ง ตามร้านของฝากและจุดพักรถต่างๆ 

เมื่อมีช่องทางการจัดจำหน่ายมาก จึงปรับเปลี่ยนจากการผลิตในครัวเรือนมาสู่รูปแบบอุตสาหกรรมมาตรฐาน มีระบบระเบียบในการวางแผนและวิเคราะห์มากขึ้น เพิ่มกำลังการผลิตด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย และเพิ่มทรัพยากรบุคคลมาเสริมให้งานทุกอย่างไหลลื่นขึ้น 

ปัจจุบันหนองพงนกเบเกอรี่มีทั้งหมด 8 สาขา มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กำแพงแสน และสาขาอื่นในบริเวณที่ไม่ไกลกัน และมีคู่ค้าที่อยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ ด้วยแนวคิดที่เน้นย้ำว่าจะมีสาขากี่สาขาไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือการบริหารจัดการและต้องดูแลได้อย่างทั่วถึง 

 

พัฒนาเพื่อคนทุกกลุ่ม

เสียงตอบรับที่ดีของเค้กหนองพงนก มาจากการศึกษาวิเคราะห์รูปแบบสินค้าที่สามารถขายได้ในกลุ่มเป้าหมายเป็นวงกว้างและเน้นการพัฒนาอย่างจริงจัง  กลยุทธ์ในการครองใจคนทุกกลุ่มก็คือ การสังเกตและผลิตตามความต้องการของลูกค้า เช่น เน้นเค้กราคาไม่แพงและขนาดชิ้นปานกลางสำหรับกลุ่มลูกค้าร้านกาแฟ เน้นทำบรรจุภัณฑ์ให้สวยงามสำหรับกลุ่มลูกค้าร้านของฝาก หรือมีเค้กมะพร้าวและน้ำผึ้งเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนที่รักสุขภาพ ด้วยความสามารถในการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายหลากหลายกลุ่ม ทำให้เมื่อตลาดหนึ่งกำลังซื้อลดลง ก็สามารถนำตลาดอื่น ๆ มาทดแทนได้ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มความใส่ใจในการบริหารจัดการเรื่องการขนส่ง โดยร่วมกับบริษัทขนส่งหลาย ๆ ที่เพื่อเปรียบเทียบราคา ทำให้ช่วยลดต้นทุนในการส่งของให้กับลูกค้าได้ รวมถึงมีการเพิ่มรถตู้ห้องเย็นในการส่งขนมที่สดใหม่ และวางแผนการขนส่งไปตามเส้นทาง ทำให้การส่งของแต่ละครั้งสามารถบริการลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

 

มองหาช่องทางอยู่เสมอ

เค้กหนองพงนกใช้โอกาสในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ร้านค้าและจุดพักรถหลายแห่งปิด มาพัฒนาการขายทางออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์มทั่วประเทศ โดยปรับบรรจุภัณฑ์ให้สวยงามและกะทัดรัด คัดเลือกสินค้าที่ง่ายต่อการขนส่งและเก็บรักษาได้ค่อนข้างยาว เช่น เค้กชิฟฟ่อน, เค้กรวมรสหน้าต่าง ๆ , และเค้กโบราณตัวเด่นของทางร้าน วิธีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อการขายเค้กออนไลน์ จะเป็นการส่งเค้กเปล่า ประยุกต์ชิ้นให้กะทัดรัด และทำเป็นรูปแบบ DIY แยกกรวยบีบเป็น Set box ให้ลูกค้าไปแต่งหน้าเค้กเอง สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ทำให้ได้ผลตอบรับจากลูกค้าดีมาก 

หนองพงนกเบเกอรี่ยังไม่หยุดในการหาช่องทางใหม่ ๆ ในการขาย โดยมีเป้าหมายตามแผนระยะยาวที่มุ่งทำมาแต่ต้น คือ การรองรับช่องทางการจำหน่ายหลาย ๆ ช่องทางเพื่อตอบโจทย์ให้หลากหลายกลุ่ม รวมถึงมองตลาดให้กว้างขึ้นไม่ใช่แค่ในประเทศ เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าคนไทยในต่างประเทศซื้อกลับไปเป็นของฝากและนำไปจำหน่าย จุดประกายความคิดที่จะขยายไปทั้งในโซนเอเชีย ยุโรป และอเมริกา จึงใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาตัวเองและปรับปรุงระบบ เตรียมบุคลากรและความพร้อมเพื่อที่จะสามารถดำเนินการได้เลยทันทีหลังจากพ้นวิกฤตตรงนี้ 

 

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของหนองพงนกเบเกอรี่ มีหลากหลายชนิดและยังคงออกรสชาติใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
มีสินค้ายอดนิยมอย่าง ได้แก่ เค้กโบราณบานเย็น, เค้กรสมะพร้าว ซึ่งใช้มะพร้าวน้ำหอมจากธรรมชาติ, เค้กน้ำผึ้ง ถูกใจคนรักสุขภาพ, ชิฟฟอนเค้ก มีให้เลือกมากมากหลากหลายรสชาติ, ขนมเปี๊ยะ ไดฟุกุแป้งสด ขนมบัวหิมะ รสชาติต่างๆ, รับบริการทำเค้กวันเกิดและมีเค้กตามเทศกาลจำหน่าย เป็นต้น

 

ผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์ของหนองพงนกเบเกอรี่ แอนด์ ฟู้ด สามารถติดต่อได้ที่
44/2 หมู่ 12 ตำบลสระสี่มุม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม 73140

Tel: 097-164 8581
Line id: Cha0159, NPN556, NPN559

Website: www.nongpongnokbakery.co.th

Email: nongpongnok5678@gmail.com

Facebook: www.facebook.com/Banyencafe/

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ