The Flavor รสชาติเอกลักษณ์ไทย ในขนมหนึ่งคำ

The Flavor รสชาติเอกลักษณ์ไทย ในขนมหนึ่งคำ

เอกลักษณ์ของรสชาติไทยนั้นแฝงอยู่ในความประทับใจของชาวต่างชาติเสมอมา ทั้งในอาหารไทย ผลไม้ไทย และขนมไทย คือรสชาติที่ใครได้ลิ้มรส ต่างเป็นต้องนึกถึง สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ The Flavor เลือกขึ้นมาชูเป็นจุดเด่นในเรื่องรสชาติไทย ที่อยู่ในรูปแบบการฟรีซดราย จนกลายเป็น ขนมไทย กรุบกรอบ ที่คงคุณค่าสารอาหารและเอกลักษณ์ของรสชาติเอาไว้ในหนึ่งคำ 

.

ส่งรสชาติไทยไปสู่ตลาดสากล

จุดเริ่มต้มของ The Flavor คือ การที่ต้องไปอยู่ที่ต่างประเทศ แล้วได้พูดคุยกับชาวต่างชาติเกี่ยวกับความชื่นชอบในอาหารไทย ขนมไทย และผลไม้ไทย เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ทุเรียน แต่กลับไม่ค่อยพบเห็นอาหารเหล่านี้จำหน่ายในต่างประเทศ อาจเพราะเป็นอาหาร จึงมีอายุค่อนข้างสั้น เสียง่าย ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน จึงจุดประกายความคิดขึ้นมาว่า อยากจะบรรจุรสชาติต่าง ๆ ของอาหารไทย ให้อยู่ได้นาน และสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้

ทาง The Flavor เลือกใช้นวัตกรรมในการสร้างผลิตภัณฑ์เป็น ขนมเพื่อสุขภาพฟรีซดราย ทำให้สามารถคงคุณค่าอาหาร และรสชาติของอาหารไว้ได้เหมือนรสชาติดั้งเดิมที่พึ่งปรุงสุก อีกทั้งยังช่วยยืดอายุของผลิตภัณฑ์ให้เก็บรักษาไว้ได้ยาวนานขึ้นเป็น 1 ปี ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมของทางแบรนด์ คือ ข้าวเหนียวมะม่วงอบกรอบ และ ข้าวเหนียวทุเรียนอบกรอบ สูตรข้าวกล้องงอก เพราะรับประทานง่าย ฉีกซอง อร่อยได้ทันที เรียกได้ว่าเป็น ขนมไทย ที่สะดวกสบายต่อการรับประทาน 

และด้วยความสะดวกสบายและเก็บได้นานนี้เอง ทำให้ทางแบรนด์สามารถส่งผลิตภัณฑ์ The Flavor ออกไปสู่ตลาดสากลได้หลายประเทศ ทั้งประเทศจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และอเมริกา ส่วนในประเทศไทยจะมีวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ จุดท่องเที่ยวต่าง ๆ และในช่องทางออนไลน์

แม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่ถูกวางจำหน่ายที่ต่างประเทศแล้ว แต่ทางแบรนด์ก็ยังไม่หยุดพัฒนาและปรับตัว เพราะ The Flavor ยังศึกษาและทำความเข้าใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากธุรกิจอาหารไม่ใช่สิ่งที่ทำแล้วจบไปภายในวัน ธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อไป ทางแบรนด์จึงต้องพัฒนาและปรับปรุงให้วันพรุ่งนี้ดีขึ้นกว่าเดิมในทุกๆ วัน

.

ให้ “แม่หยก” ช่วยกอบกู้ช่วงโควิด-19

สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบเรื่องการส่งออกค่อนข้างมาก ทางแบรนด์จึงมองหาลู่ทางในการดำเนินธุรกิจ โดยสังเกตวิถีชีวิตของคนส่วนมากในช่วงที่ต้องทำงานอยู่กับบ้านมากขึ้น เมื่อได้อยู่กับบ้านก็จะมีการทำอาหารมากขึ้น จึงทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมานั่นก็คือ เครื่องปรุงรสและซอสปรุงรสพร้อมทาน ตรา “แม่หยก” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานสะดวกและรวดเร็ว เพราะผลิตภัณฑ์แม่หยก คือ เครื่องปรุงสูตรต่าง ๆ ที่ถูกประยุกต์มาให้อยู่ในรูปแบบพร้อมปรุง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอาหารรสชาติเข้มข้นเสมือนรสต้นตำรับดั้งเดิม

.

ใช้ความเข้าใจ เป็นหัวใจหลัก

สิ่งที่ทำให้แบรนด์ The Flavor เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าได้ มาจากวิธีคิดที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทุกครั้งที่จะเริ่มพัฒนาสินค้าใหม่ จะต้องดูความต้องการของลูกค้าก่อน หรือเมื่อทำเสร็จจะมีการทดลองสินค้ากับลูกค้าด้วยเสมอ 

จุดแข็งหลักที่ทำให้แบรนด์เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ก็คือ การเป็นแบรนด์ที่เข้าใจลูกค้า และด้วยแนวคิดว่า การจะทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง ต้องสร้างแก่นไอเดียให้แข็งแรง ก็คือเรื่องเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ที่สามารถขยายต่อไปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้อีก ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจไม่ใช่เรื่องที่ทำวันนี้แล้วจบวันนี้ แต่มันเดินไปข้างหน้าต่อ เพราะฉะนั้นถ้าวันนี้ทำได้ดี วันพรุ่งนี้ก็ต้องทำให้ได้ดีกว่าเดิม ถ้าวันนี้ล้ม ก็ต้องลุก แล้วถ้าพลั้งพลาดอะไร ก็ต้องแก้ไข

หัวใจสำคัญของการเป็น The Flavor ไม่เพียงแต่เป็นรสชาติของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มอบให้แก่ลูกค้า แต่ต้องเป็นรสชาติที่ทำให้ลูกค้ายิ้มได้นั่นเอง

.

สามารถติดตาม The Flavor ได้ที่

บริษัท พี เอ็ม ดับบลิว อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

28/4 หมู่ที่ 20 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ 10540

Email: pmwinternational.info.gmail.com และ theflavorthailand@gmail.com
Tel: 02-452-0941

Website : theflavorthailand.com
Facebook: theflavorthailand

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ

Kaelyn ผิวสวยด้วยสารสกัดจากใบชา

ในปัจจุบัน ทัศนคติและทิศทางของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมากขึ้น ส่งผลให้บริษัท Kaelyn international จำกัด ที่มีความสนใจเรื่องสรรพคุณของใบชา โดยเฉพาะคุณสมบัติในเรื่องการฟื้นฟูหรือบำรุงร่างกาย ทำการก่อตั้งแบรนด์ Kaelyn ขึ้น ซึ่งนำสารสกัดจากใบชาอัสสัมมาเป็นวัตถุดิบสำคัญในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ โดยคิดค้นวิจัยสูตรร่วมกับทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จนได้ผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณมากมาย นอกจากจะได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีแล้ว ยังช่วยส่งเสริมและสนับสนุนนักวิจัยไทย ตลอดจนเกษตรกรผู้เพาะปลูกใบชา ในการสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน 

.

ความน่าสนใจ จากคุณสมบัติในงานวิจัย

จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Kaelyn มาจากการค้นคว้าวิจัยและจดอนุสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาของทางมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงที่ได้ค้นพบกระบวนการสารสกัดธรรมชาติบริสุทธิ์จากชาอัสสัม หรือ ชาเมี่ยง จากเทือกเขาวาวี จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกใบชาที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยและของโลก เป็นเทือกเขาที่มีความสูง และมีอุณหภูมิที่เย็นตลอดทั้งปี เหมาะแก่การเพาะปลูกใบชา ทำให้ใบชาจากแหล่งผลิตนี้มีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม ทางบริษัท Kaelyn international จำกัด ซึ่งมีความสนใจในส่วนของสารสกัดจากใบชาอยู่แล้ว ได้คิดค้นร่วมกับทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพื่อนำสารสกัดบริสุทธิ์ตัวนี้มาใช้เป็นส่วนประกอบหลักในสูตรตำรับเครื่องสำอาง โดยนำสารสกัดจากใบชาที่มีคุณสมบัติช่วยเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการเกิดริ้วรอย จุดด่างดำบนใบหน้า รวมไปถึงการสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณบนใบหน้า นำมารวมกับสารสกัดที่มาจากพืชธรรมชาติอีก 7 ชนิด จนได้ผลิตภัณฑ์ตัวแรกของบริษัท คือเซรัมที่ช่วยบำรุงผิวหน้าให้กับผู้ที่มีปัญหา 

.

มองหาคุณสมบัติที่จะต่อยอดได้

หลังจากออกผลิตภัณฑ์เซรัมและได้รับผลตอบรับที่ดี จึงได้มองหาคุณสมบัติอื่น ๆ ของสารสกัดจากใบชาอัสสัมที่น่าสนใจ และนำคุณสมบัติที่เกี่ยวกับเรื่องของผิวหน้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ แป้งผสมรองพื้น ที่มีสรรพคุณในเรื่องการปกป้องแสงแดดและช่วยในเรื่องความหมองคล้ำของใบหน้า เนื่องจากว่าสารสกัดจากใบชาอัสสัมมีสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งสามารถช่วยปกป้องมลภาวะต่าง ๆ และแสงสีน้ำเงินจากคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย

Kaelyn มองว่าการพัฒนาคุณสมบัติจากใบชาจนสามารถออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นับเป็นการต่อยอดงานวิจัยของทางมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของพืชเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะใบชา และการให้ความสำคัญแก่เกษตรกรไทยในการผลักดันการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับใบชาในครั้งนี้ด้วย โดยกระบวนการผลิตในส่วนของวัตถุดิบหรือสารสกัดต่าง ๆ จะมาจากที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ จึงเป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนอีกทางหนึ่ง 

.

เลือกช่องทางประชาสัมพันธ์ให้หลากหลาย

เนื่องจากสินค้าเปิดตัวในช่วงสถานการณ์โควิด-19 การทำการตลาดจึงเป็นการทำในรูปแบบออนไลน์ตั้งแต่แรก โดยจัดจำหน่ายและประชาสัมพันธ์ผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ 

นอกจากนี้ยังเน้นการกระจายสินค้าผ่านทางตัวแทนจัดจำหน่ายในจังหวัดเชียงใหม่อีกทางหนึ่ง รวมไปถึงการทำการตลาดโดยการนำเอาเครื่องสำอางแบรนด์ Kaelyn เข้าไปร่วมเป็นผู้สนับสนุนของงานอีเวนต์ต่าง ๆ เช่น เวทีประกวดนางสาวไทย เนื่องจากธุรกิจหลักของเจ้าของแบรนด์ คือธุรกิจเกี่ยวกับการจัดงานอีเวนต์อยู่แล้ว จึงมีทักษะความรู้ และสามารถมองเห็นช่องทางการทำการตลาดทางนี้ได้ เพราะในงานมีการทำสื่อประชาสัมพันธ์ จะทำให้เกิดการรับรู้ของผู้บริโภคได้อย่างแพร่หลายมากขึ้น 

.

โอกาสทางการตลาด

Kaelyn มองว่าความต้องการของตลาดในเรื่องของผลิตภัณฑ์ด้านความงามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสสูงที่จะได้ส่วนแบ่งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มาจากสารสกัดจากธรรมชาติซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันด้วย และในขณะนี้ก็ได้ร่วมมือกับทางทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กันแดดที่เน้นสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ จึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ทุกตัวของ Kaelyn มุ่งเน้นในสิ่งที่เป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน คือ ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมาจากธรรมชาติ 100%

.

ผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ของ Kaelyn International จำกัด ภายใต้แบรนด์ Kaelyn สามารถติดต่อได้ที่

บริษัท Kaelyn International จำกัด
82/1หมู่ 6 อำเภอสันทราย, จังหวัดเชียงใหม่ 50210

E-mail: kaelyn.intl@gmail.com

Facebook: KaelynINTL
Line Official: KAELYN INTERNATIONAL

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ

PAC เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน ด้วยนวัตกรรม

PAC เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน ด้วยนวัตกรรม

การใช้พลังงานจากเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังจะเป็นปัญหาสำคัญหนึ่งของโลก โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศเป็นปัจจัยใหญ่ที่ปล่อยความร้อนจำนวนมากเข้าสู่บรรยากาศ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทาง PAC Corporation มุ่งเน้นสร้างผลิตภัณฑ์ที่นำเอาพลังงานจากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สูญเปล่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ นอกจากจะเป็นประโยชน์ให้กับลูกค้าแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย

 

ใช้นวัตกรรมต่อยอดธุรกิจ

เริ่มต้นจากแนวคิดที่ว่า จะสามารถลดค่าไฟจากเครื่องปรับอากาศได้อย่างไร นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานนวัตกรรมและการออกแบบให้ใช้พลังงานน้อยที่สุด โดยนำความรู้จากประสบการณ์ที่อยู่ในธุรกิจเครื่องปรับอากาศของครอบครัวมาหลายปี ก่อตั้งเป็น PAC Corporation ขึ้นมา เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้โดยตรง โดยมีเป้าหมายที่จะผลิตเครื่องปรับอากาศให้ใช้ไฟน้อยลง ลดภาระค่าไฟ และยังช่วยในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการลดการปล่อยความร้อนออกสู่บรรยากาศ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนสารทำความเย็นที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โดย PAC ได้เริ่มจากการคิดค้นเครื่องทำน้ำร้อนจากเครื่องปรับอากาศ เพราะเครื่องปรับอากาศภายในแผงแลกเปลี่ยนอุณหภูมิจะมีความร้อนมาก และจะถูกส่งผ่านไปเป่าทิ้งผ่านพัดลม จึงได้ใช้ประโยชน์จากความร้อนนี้ ต่อออกมาเป็นพลังงานทำความร้อนให้กับถังเก็บน้ำ ก็สามารถลดการใช้พลังงานในการทำความร้อนลงได้ถึง 80% หลังจากค้นคว้าวิจัยและทดลองกันในโรงงานจนใช้ได้จริง จึงหาแนวร่วมทางธุรกิจในการพัฒนารูปลักษณ์สินค้าให้สวยงาม

 

กระจายกลุ่มเป้าหมาย เพื่อความมั่นคง 

PAC เริ่มทำการตลาดในกลุ่มลูกค้า B2B เป็นหลัก เช่น กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต โครงการบ้านพักอาศัย เพราะมองว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีการใช้เครื่องทำน้ำร้อนและเครื่องปรับอากาศเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจะได้ประโยชน์จากการเอาความร้อนของเครื่องปรับอากาศมาผลิตเป็นน้ำร้อนได้ ถึงแม้ว่าการทำธุรกิจในกลุ่มลูกค้า B2B จะได้จำนวนผลตอบรับที่ดีมาก แต่ PAC ก็ยังคิดให้ความสำคัญกับการกระจายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคด้วย จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ทำให้ในช่วงที่กลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทชะลอตัวลงไป ก็ยังมีกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปที่ช่วยให้ยังคงมีการสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  

.

ต่อยอดผลิตภัณฑ์ ให้สอดคล้องต่อเนื่องกัน

PAC มองว่า การตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าไม่ได้หยุดเพียงผลิตภัณฑ์ตัวใดตัวหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย จะเป็นข้อดีที่ตอบโจทย์ให้ลูกค้าได้อย่างครบวงจร สามารถจับกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้นและลึกขึ้น โดยปัจจุบัน PAC ได้คิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมประเภทใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ PAC มีดังนี้

  • PAC Frenergy ระบบทำน้ำร้อนด้วยความร้อนที่ระบายทิ้งจากเครื่องปรับอากาศ ประหยัดพลังงานได้ถึง 2 ทาง ทั้งลดค่าไฟจากเครื่องทำน้ำอุ่นได้ 100% และลดค่าไฟจากแอร์ได้สูงสุดถึง 20%
  • PAC Pooltemper เครื่องปรับอุณหภูมิสระว่ายน้ำ
  • PAC Heat pump เครื่องทำน้ำร้อนที่ออกแบบมาเพื่อผลิตน้ำร้อนอุณหภูมิสูงในปริมาณมาก ใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่มาจากการนำความร้อนของบรรยากาศโดยรอบมาผลิตเป็นน้ำร้อน ส่งผลให้ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าเครื่องทำน้ำร้อนไฟฟ้าทั่วไปถึง 4 เท่า ใช้กับตึกสูง โรงแรม โรงพยาบาล เป็นต้น
  • PAC SolarAire คือ เครื่องปรับอากาศพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ใช้ไฟฟ้ากระแสตรงทั้งหมด โดยไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์สามารถนำมาต่อเข้ากับเครื่องได้โดยตรง สามารถลดพลังงาน ลดการสูญเสียของกระแสไฟฟ้าในตัวแปลงไฟได้มากกว่า 30% และเครื่องปรับอากาศยังสามารถนำไฟฟ้ากระแสสลับจากบ้านมาใช้ได้อัตโนมัติ
  • PAC Klean ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ ช่วยฆ่าเชื้อโรคและลดกลิ่นอับ
  • PAC EneRVent เครื่องแลกเปลี่ยนอากาศ ประหยัดพลังงาน แบบติดผนัง
    เป็นตัวแลกเปลี่ยนอากาศหมุนเวียนอากาศให้ได้อากาศดีขึ้น เน้นกลุ่มที่เป็นบ้านพักอาศัย อาคารสำนักงาน โรงแรม หรือโรงพยาบาล 

 

ใส่ใจในบริการ คือหัวใจของมืออาชีพ

นอกจากสินค้าที่มีหลากหลาย และก็จุดขายเรื่องการประหยัดพลังงานแล้ว สิ่งที่ทำให้ลูกค้าประทับใจและมักจะได้รับการชื่นชมกลับมาเป็นประจำคือ เรื่องความเป็นมืออาชีพ มีการใส่ใจในการให้บริการทั้งก่อนและหลังการขาย ที่เน้นให้ความสำคัญตั้งแต่การให้ข้อมูลแก่ลูกค้า เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของ PAC เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ดังนั้นต้องสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกและสามารถตอบคำถามให้ลูกค้าเข้าใจได้  ในการติดตั้งและบริการหลังการขาย มีวิศวกรควบคุมงานและมีช่างผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการ รวมถึงอะไหล่และอุปกรณ์ที่ครบครัน เน้นการให้บริการลูกค้าด้วยความรวดเร็ว ให้ความสำคัญในการส่งสินค้าและติดตั้งให้ตรงตามกำหนดเวลา 

 

ให้ความสำคัญต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

ในปัจจุบันเรื่องของโรคภัยและปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้นรุนแรงขึ้น ทุกคนจึงหันกลับมาใส่ใจให้ความสำคัญเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลสิ่งแวดล้อม ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ดังนั้นทาง PAC จึงมุ่งเน้นทั้งในสัดส่วนของผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และสัดส่วนของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม 

แนวคิดที่ PAC ยึดมั่นมาตลอดและเป็นแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจต่อไป คือ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสินค้าและบริการใดก็ตาม ต้องมองเรื่องของประโยชน์ที่จะให้กับลูกค้าเป็นหลักก่อน เพราะเป็นสิ่งที่ยั่งยืน นอกจากจะสร้างเศรษฐกิจที่ดีได้แล้ว ยังสร้างความยั่งยืนในเรื่องของสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

 

ผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์และบริการของ PAC สามารถติดต่อได้ที่

บริษัท แพค คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
อีเมล  info@pac.co.th
Facebook:  www.facebook.com/PACSolutions

สำนักงานใหญ่
12/2 วิชั่น บิสิเนส พาร์ค เฟส 2 ซอยรามอินทรา 55/8 ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ 10230
Tel:  02-347-0447
Fax:   02-347-0448สำนักงานภูเก็ต
108/91 หมู่ที่ 5 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 83000
Tel: 076-261-023
Fax: 076-261-024

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ

สำนักงานเลขานุการฉลากเขียว – สัญลักษณ์ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สำนักงานเลขานุการฉลากเขียว – สัญลักษณ์ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

กว่าจะได้ผลิตภัณฑ์สัก 1 ชิ้นนั้น ขั้นตอนกระบวนการต่าง ๆ ในการผลิต จะต้องมีการนำพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ มาใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจุดนี้เองที่อาจเป็นส่วนหนึ่ง ที่มีโอกาสทำให้เกิดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อมตามมาด้วย รวมถึงตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์นั้น เมื่อถูกใช้งานจนเสร็จสิ้นแล้ว จะถูกจัดการอย่างไรต่อไป เพื่อไม่ให้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น

.

สร้างความตระหนักรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม

ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างเห็นเป็นเรื่องใหญ่ และให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ทางสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยเองก็เช่นกัน มีความต้องการมุ่งเน้นที่จะส่งเสริมและผลักดัน สร้างความตระหนักรู้ให้กับทั้งผู้ประกอบการ และผู้บริโภคได้มีความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จึงได้มีการทำฉลากรับรองด้านสิ่งแวดล้อม ในชื่อว่า ฉลากเขียว หรือ Green Label Thailand ขึ้น

ฉลากเขียว นั้นเป็นเครื่องหมายรับรอง ที่มีเครือข่ายมาตรฐานเดียวกันกับฉลากสิ่งแวดล้อมจากทั่วโลก เพิ่อมอบให้กับองค์กร ผลิตภัณฑ์ และบริการ ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม มีความเอาใจใส่ตั้งแต่ต้นทางวัตถุดิบ เข้ามาสู่กระบวนการผลิต ตลอดจนจบครบวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์

.

โลกรัก เมื่อรักษ์โลก

สินค้าและบริการที่ได้รับการรับรองฉลากเขียวนั้น เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยเปิดประตูแห่งโอกาสเป็นอย่างมากให้กับองค์กร ที่เห็นได้ชัด คือ มีความภาคภูมิใจ เพราะถือว่าเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือวางใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงเปิดกว้างโอกาสในการขยายตลาดออกไปสู่ระดับประเทศ และต่อยอดออกไปสู่ระดับสากลได้อย่างราบรื่นเพราะทั่วโลกพร้อมให้การต้อนรับ อีกทั้งยังได้รับการบรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อของกรมควบคุมมลพิษ ว่าเป็นสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทางภาครัฐสามารถทำการเลือกซื้อได้

.

ฉลากเขียวยินดีต้อนรับ

การขอรับรองฉลากเขียวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ประกอบการต้องทำการศึกษาข้อกำหนดว่ามีหลักเกณฑ์ตรวจรับรองอย่างไรบ้าง ซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละกลุ่มสินค้าและบริการ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่พร้อมให้คำแนะนำปรึกษา คอยดูแลกันไปตลอดทุกขั้นตอน ให้ผู้ประกอบการได้ผลิตสินค้าหรือสร้างการบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จนกว่าจะสามารถผ่านเกณฑ์ที่กำหนดได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง

นอกจากนั้นยังมีการจัดทำโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs เพื่อขอการรับรองฉลากเขียว ที่จะช่วยให้คำแนะนำ ในเรื่องของการจัดเตรียมความพร้อมในทุกด้านตั้งแต่เรื่องจัดเตรียมเอกสาร ไปจนถึงการเตรียมตัวเรื่องต่าง ๆ ของสินค้า โรงงาน สถานประกอบการ หรือองค์กร ฯลฯ ที่สอดคล้องกับเรื่องคุณภาพและสอดคล้องกับด้านสิ่งแวดล้อม ให้กับผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการขับเคลื่อนตัวเองเข้าสู่ระบบมาตรฐานสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดสู่ระดับสากล

.

ผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อได้ที่
สำนักงานเลขานุการฉลากเขียว
มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย
16/151 เมืองทองธานี ถ.บอนด์สตรีท ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
โทรศัพท์ 0-2503-3333
E-mail: greenlabelthailand@tei.or.th
Website : www.tei.or.th
Facebook: greenlabelthailand
Youtube: ฉลากเขียวประเทศไทย
Line Official: GreenlabelThailand

สำหรับช่องทาง SME ONE เพิ่มเติม
Facebook: SMEONE
Youtube: SMEONE
Line: @smeone

บทความแนะนำ

เซรั่มมังคุด “เพ็ชรคีรี” ก้าวข้ามขีดจำกัดเงินทุน สู่ผู้ประกอบการสายประกวดสานฝันธุรกิจให้เป็นจริง

สำหรับผู้ประกอบการที่อยากทำธรุกิจแต่ไม่มีเงินทุนส่วนใหญ่มักจะหันไปหาคนใกล้ตัวเพื่อหยิบยืม กดบัตรเครดิต หรือไม่ก็หาหลักทรัพย์เพื่อไปขอกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน จะได้มีเงินก้อนไว้เป็นจุดตั้งต้นกิจการ แต่ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านั้นล่ะ จะเริ่มต้นธุรกิจยังไง  

เคสของ อาจินต์ เพ็ชรวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนันญากรุ๊ป จะเป็นบทพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า แม้ไม่มีเงินทุนก็สามารถทำธุรกิจได้ เพราะเธอใช้วิธีก้าวข้ามขีดจำกัดด้านเงินทุนด้วยการเดินสายประกวดโครงการต่างๆ จากหน่วยงานภาครัฐ เพื่อต่อยอดธุรกิจที่เริ่มต้นจากศูนย์กระทั่งประสบความสำเร็จในฐานะเครื่องสำอางสารสกัดจากมังคุด ผลิตภัณฑ์ที่สืบสานภูมิปัญญมรกดอันล้ำค่าสู่ความเป็นเลิศทางนวัตกรรม ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน ความภาคภูมิใจจากการเป็นคนหมู่บ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่มีอากาศดีที่สุดของไทยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มังคุดเขาคีรีวงยังได้รับการจดทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ Geographical Indication (GI) ด้วยคุณลักษณะ ผิวมัน หัวเขียว ลูกใหญ่ ก้นรี เปลือกหนา ผิวมันวาว รสชาติหวานซ่อนเปรี้ยว เพราะอยู่บนเขา จึงมีความโดดเด่นจากมังคุดทั่วไป เบื้องต้นจึงก่อเกิดเป็นแนวคิดที่จะนำมังคุดเขาคีรีวงมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สบู่ และยาสระผม ให้กับลูกค้าที่มาเข้าพักในโฮมสเตย์ เพื่อสร้างประสบการณ์และมูลค่าเพิ่มในอัตลักษณ์ให้กับชุมชน 

แม้ที่ผ่านมาจะมีผลวิจัยมังคุดออกมามากมายก็ตาม แต่ยังไม่มีใครนำมังคุดจากเขาคีรีวงมาวิจัย ด้วยความเชื่อว่า มังคุดจากพื้นที่แห่งนี้น่าจะมีคุณสมบัติที่ดีกว่ามังคุดแหล่งอื่น ปลายปี 2561 คุณอาจินต์ จึงเดินหน้าปรึกษากับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ในการนำเปลือกมังคุดเขาคีรีวงมาทำสารสกัดเครื่องสำอาง 

“เราตั้งใจอยากที่จะทำสินค้าคุณภาพให้เทียบเท่ากับเคาน์เตอร์แบรนด์ แล้วก็พบว่าสารสกัดที่ได้จากกมังคุดเขาคีรีวงอุดมไปด้วย เอนไซม์ไทโรซิเนส มีคุณสมบัติยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ก่อให้เกิดฝ้ากระ ลดริ้วรอย ทั้งยังเต็มไปด้วยอัลฟัลฟ่าในปริมาณสูงกว่ามังคุดทั่วไป ซึ่งสารดังกล่าวมีสารแคโรทีนและอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกาย คุณสมบัติที่โดดเด่นนี้สามารถนำมาผลิตเป็นเครื่องสำอางคุณภาพสูงได้”

ปีต่อมาผลวิจัยที่ได้ในครั้งนี้ถูกนำไปพรีเซนต์ครั้งแรกในโครงการหนึ่งของหน่วยงานรัฐบาลที่ชิงเงินรางวัล 2 ล้านบาท แต่การไม่มีประสบการณ์การนำเสนอผลงานมาก่อนจึงตกรอบ แต่อย่างน้อยเวทีนี้ก็ได้เปิดโลกกว้างอะไรหลายๆ อย่างให้เธอ

“ที่ตัดสินใจไปประกวดโครงการนี้เพราะมองว่าเงินรางวัลสูง แล้วก็เชื่อมั่นว่าผลวิจัยของเรามันดี คิดแค่นั้นเอง นอกนั้นเราไม่มีความพร้อมอะไรเลย ยังไม่รู้จักคำว่าพิชชิ่ง ไม่มีพาวเวอร์พ้อยท์ เพราะทำไม่เป็น ที่สำคัญเราขายฝันเหมือนคนอื่นไม่เป็น เพราะคิดว่าถ้าของเราดีจริงก็อธิบายตามนั้น เราไปบิดเบือนสร้างฝันใหญ่โตไม่ได้”

การตกรอบในครั้งนั้นไม่ได้ทำให้อาจินต์ท้อแท้ ในทางกลับกันกลายเป็นแรงส่งให้เธอมุ่งมั่นหาเวทีประกวดอื่นต่อไป จนกระทั่งมาสมหวังในโครงการแรกที่ชื่อว่า โครงการส่งเสริมเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี 2562 ภายใต้ศูนย์แห่งความเป็นเลิศที่จัดขึ้นโดย สสว. และได้เงินรางวัล 250,000  บาทเป็นก้อนแรกในการทำทุนพัฒนาเป็นโปรดักท์เซรั่มเปลือกมังคุดบำรุงผิวหน้าภายใต้แบรนด์ “เพ็ชรคีรี” 

  “ความสำเร็จจากเวทีนี้จุดประกายให้เรารู้ว่าอย่าไปหวังไกล หรือหวังเงินรางวัลเยอะๆ เราเอาแค่นี้ก็พอ ค่อยๆ สะสมไป พอได้รางวัลจากโครงการแรกจึงเริ่มมีกำลังใจในการประกวดในเวทีอื่นๆ ต่อ แม้บางเวทีจะกำหนดรางวัลผู้ชนะเป็นเครื่องใช้หรืออุปกรณ์ที่เพิ่มความสะดวกสบายในกระบวนการผลิต เรายิ่งชอบไปร่วมแข่งขัน เพราะอุปกรณ์เหล่านั้นจะทำให้เราทุ่นแรง ประหยัดเวลาและแรงงาน อีกอย่างจากประสบการณ์เคยเห็นว่า ผู้ประกอบการที่ชนะได้เงินรางวัลมาส่วนใหญ่นำไปใช้จ่ายอย่างอื่นหมด สู้ได้รางวัลเป็นของแบบนี้ดีกว่า”

รางวัลต่างๆ ที่ได้รับในเวลาต่อมาถูกนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยปัจจุบันนอกจากเซรั่มมังคุดแล้ว เพ็ชรคีรียังมีสลีปปิ้งมาส์ก โลชั่นบำรุงผิว สบู่ล้างหน้า และครีมกันแดด จำหน่ายผ่านระบบตัวแทน และร้านค้าในกลุ่มผ้ามัดย้อมชุมชน 

ด้วยความตั้งใจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพ็ชรคีรีอย่างต่อเนื่องทำให้ คุณอาจินต์ มุ่งมั่นเข้าร่วมประกวดทุกโครงการที่มีโอกาส เพียงแค่ขอให้มีรางวัลติดปลายนวมก็พอ เพราะสิ่งที่ได้กลับมานั้นมากกว่าเงินรางวัลหลายเท่า

“เราไม่เกี่ยงเรื่องจำนวนเงินรางวัลว่าจะต้องเยอะ อาศัยลูกขยัน อันไหนมีรางวัลเราก็ไป บางทีรางวัลไม่เยอะเท่าไหร่ แถมเราต้องเสียเงินในการเดินทางค่าที่พักซึ่งมากกว่าเงินที่ได้อีก แต่สิ่งที่ได้กลับมามันมากมายมหาศาล เช่น การที่ได้ไปออกบูธก็ทำให้คนได้รู้จักแบรนด์ หรือการไปนั่งประชุมหรือเวิร์คช้อป เราก็ได้องค์ความรู้มาต่อยอด แต่ละโครการให้ความรู้ใกล้เคียงกัน แต่เทคนิคผู้บรรยาย วิทยากร และอาจารย์แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เท่ากับว่าเราได้ความรู้ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่จะนำมาใช้ได้แค่ไหนนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่อย่างน้อยทำให้เรารู้ว่าจะต้องพัฒนาไปทิศทางไหน ที่สำคัญคือการได้เจอเพื่อนใหม่ๆ มากมาย นี่คือความคุ้มค่า ดิฉันประกาศบนเวทีทุกแห่งว่า ไม่ได้มาสร้างศัตรู หรือคู่แข่ง แต่อยากมาหาเพื่อน หาคอนเนคชั่น หาคู่ค้า แลกสินค้าใช้กันยังได้เลย มันไม่จำเป็นต้องแข่งกัน สุดท้ายเราก็ได้เพื่อนจริงๆ ช่วยกันแบ่งปันประสบการณ์ แบ่งปันข้อมูล ชวนกันไปประกวดที่นั่นที่นี่” 

อาจินต์ กล่าวว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วจากคนที่ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนดี เทียบกับวันนี้มีความเป็นผู้ประกอบการเต็มตัว และรู้จักการปรับตัวกับโจทย์ใหม่ๆ ที่ถาโถมเข้ามา โดยเฉพาะจากสถานการณ์การแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้เธอผันไปเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์

“ความรู้จากการที่เราเข้าไปฝึกอบรมโครงการต่างๆ ทำให้เรารู้ทิศทางการทำงานมากขึ้น และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ อย่างช่องทางออนไลน์ที่เราทำทุกวันนี้ ถามว่าถ้าไม่ไปอบรมวันนั้นเราจะมีไอเดียนี้ไหม ก็ไม่นะ ถึงทำได้แต่เราก็ไม่มีเคล็ดลับหรือเทคนิคการทำตลาดออนไลน์อยู่ดี เลยอยากแนะนำผู้ประกอบการที่ไม่มีเงินทุน ให้ขยันพูด ขยันถาม ขยันเรียนรู้ และพัฒนาตัวเอง ไม่จริงเลยว่าถ้าไม่มีเงินทุนแล้วจะทำธุรกิจไม่ได้ เพราะปัจจุบันมีหน่วยงานภาครัฐจำนวนมากที่มีโครงการช่วยเหลือ SMEs เพียงแต่เวลาที่เราจะไปประกวดต้องเลือกหน่วยงานที่มีความจริงใจในการช่วยเหลือ SMEs จริงๆ” 

หลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย คุณสุจินต์ ยังคงวางแผนที่จะประกวดต่อไป เพื่อปั้นให้ “เพ็ชรคีรี” เป็นเพชรน้ำเอกแห่งวงการเครื่องสำอางไทย

บทความแนะนำ