สสว. คว้า 2 รางวัลเลิศรัฐระดับดี จากสำนักงาน ก.พ.ร. ประจำปี 66 

สสว. คว้า 2 รางวัลเลิศรัฐระดับดี จากสำนักงาน ก.พ.ร. ประจำปี 66 

สำนักงาน ก.พ.ร. จัดงานเชิดชูเกียรติให้แก่หน่วยงานที่ได้รางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2566 เพื่อช่วยส่งเสริมและกระตุ้นให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้พัฒนาคุณภาพการให้บริการ และระบบการบริหารงานของหน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลจะเป็นต้นแบบที่ดีให้แก่หน่วยงานอื่น ๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการทำงานของหน่วยงานให้ดียิ่งขึ้นเพื่อประโยชน์ของประชาชนต่อไป

ในปีนี้มีหน่วยงานที่สมัครรับรางวัลทั้งสิ้น 1,946 ผลงาน และผ่านการพิจารณาให้ได้รับรางวัลดังกล่าวจำนวนทั้งสิ้น 238 รางวัล พิธีมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2566 ปีนี้ มีศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม เป็นประธาน หนึ่งในหลายหน่วยงานที่ได้รับรางวัล คือ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้รับรางวัลเลิศรัฐในระดับดีจำนวน 2 รางวัล ประกอบด้วย “มาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (มาตรการ THAI SME – GP)” และ “SME ACCESS TO SUCCESS : เปิดประตูสู่ความสำเร็จ SME ไทย” ซึ่งมีนายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สสว. เป็นผู้มารับทั้ง 2 รางวัลดังกล่าวด้วยตนเอง

นายวีระพงศ์กล่าวว่า ทั้ง 2 รางวัลถือเป็นความภาคถูมิใจให้กับพนักงาน สสว. อย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงปัญหาโควิดที่ระบาดหนัก ทาง สสว. ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้กลุ่มภาคธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าถึงโครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐได้มากกว่าร้อยละ 40 ของวงเงินงบประมาณและยังมีเป้าหมายที่กลุ่มเอสเอ็มอีจะเข้าถึงโครงการนี้เพิ่มขึ้นในปีต่อไปด้วย รวมทั้งยังช่วยเหลือให้ประชาชนที่สนใจเข้าถึงข้อมูลของ สสว. ในทุกช่องทางเพื่อให้ประชาชนมีความรู้และพื้นฐานในการพัฒนาตนเองเป็นผู้ประกอบการรายย่อย และ สสว. มีโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือ SME ปัง ตังได้คืน ให้ความช่วยเหลืออุดหนุนในรูปแบบร่วมจ่ายหรือ Co-Payment ตั้งแต่ 50,000-200,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ โดยเป้าหมายการทำงานปีหน้าจะพยายามรักษาระดับให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

ปีนี้รางวัลเลิศรัฐ ประกอบด้วย 3 สาขา ได้แก่ สาขาบริการภาครัฐ สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม และสาขาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ โดยถิอว่ารางวัลเลิศรัฐ เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) มอบให้หน่วยงานภาครัฐ เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชู หน่วยงานที่ได้มุ่งมั่นปฏิบัติราชการจนประสบความสำเร็จและมีความเป็นเลิศ ที่ได้รับรางวัลเลิศรัฐ จะทำให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม ทัดเทียมมาตรฐานสากลและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง

บทความแนะนำ

เข้าถึงทุกข้อมูลข่าวสาร เคล็ดลับความสำเร็จในการทำธุรกิจ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินดีๆ ที่คัดสรรมาพร้อมเสริฟ์ให้กับผู้ประกอบ SME ทุกท่าน และสิทธิประโยชน์ต่างๆ อีกมากมายส่งตรงจาก ธนาคารกรุงไทย ผ่าน Line Official Account เพียงเพิ่มเพื่อนผ่านไลน์ ชื่อ @krungthaiSME หรือสแกน QR Code ด้านล่าง

บทความแนะนำ

สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ เสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ บริษัท ไอร่า แฟคตอริ่ง จำกัด

สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ เสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ

 จุดเด่นของสินเชื่อ 

✅ อนุมัติวงเงินเร็ว
✅ ไม่ใช้หลักประกัน
✅ ค่าใช้จ่ายสุดพิเศษ
✅ รับซื้อสูงสุด 90%

 รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://airafactoring.co.th/

บทความแนะนำ

SME D Bank เปิดดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอี Q3 ขยับ ตอบรับนโยบายรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ

SME D Bank เปิดดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอี Q3 ขยับ ตอบรับนโยบายรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ

เดินหน้าลดภาระให้ผู้ประกอบการ จัดเต็มสินเชื่อรีไฟแนนซ์คู่โปรแกรมพัฒนาธุรกิจ 

 

SME D Bank จับมือ ศศินทร์ เผยผลสำรวจดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอี ประจำไตรมาส 3/2566 ปรับขึ้นเล็กน้อย จากการปรับแผนการตลาด และความคาดหวังต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเลือกตั้ง  เช่นเดียวกับแนวโน้ม 3 เดือนข้างหน้ากระเตื้อง อานิสงส์เข้าสู่ไฮซีซั่นดันค้าขายท่องเที่ยวคึกคัก ภายใต้ปัจจัยท้าทาย ส่วนใหญ่กังวลต้นทุนธุรกิจเพิ่ม จากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ และขาดแคลนแรงงานฝีมือ ด้าน SME D Bank ประกาศแก้ปม เดินหน้ามอบบริการ “เติมทุนคู่พัฒนา” พาเข้าถึงสินเชื่อ “SME Refinance” วงเงิน 5,000 ล้านบาท ช่วยลดภาระ ผ่อนหนักเป็นเบา  ควบคู่โปรแกรมพัฒนา เติมทักษะให้แรงงาน เสริมแกร่งเพิ่มศักยภาพธุรกิจ

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เผยว่า  “ศูนย์วิจัยและข้อมูล ธพว.”  ร่วมกับ “ศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษา” สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำ “ผลสำรวจความเชื่อมั่นเอสเอ็มอีต่อเศรษฐกิจและธุรกิจ ไตรมาส 3/2566 และคาดการณ์อนาคต”  จากการสำรวจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวนกว่า 500 ตัวอย่างทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกประเภทอุตสาหกรรม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและธุรกิจของเอสเอ็มอีในไตรมาส 3/2566  ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (2/2566) จาก 65.90 มาอยู่ที่ 66.40 เนื่องจากผู้ประกอบการ มีการปรับตัวด้านแผนการตลาดต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น รวมถึง มีความคาดหวังต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง   

 

ส่วนแนวโน้มความเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและธุรกิจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน จาก 65.61 มาอยู่ที่ระดับ 66.79 เพราะได้รับอานิสงส์เข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวสิ้นปี หรือไฮซีซั่น ร้านค้า ภาคเอกชนต่างๆ มักจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามามากขึ้น 

เมื่อพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและธุรกิจ แยกตามประเภทอุตสาหกรรม พบว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในภาคบริการโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมก่อสร้าง มีความเชื่อมั่นสูงกว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากได้ทำสัญญาโครงการก่อสร้างใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นสูงรองลงมา เนื่องจากมีการเดินทางและจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้ระดับความเชื่อมั่นในภาพรวมยังคงสูง

 

นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยฯ ได้สำรวจปัญหาด้านแรงงานในผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พบว่า 76.94%  มีความกังวลด้านภาระต้นทุนแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ รองลงมา 23.73% ขาดแคลนแรงงานทักษะหลากหลายที่สามารถหมุนเวียนงานได้  ขณะที่ 21.29% ขาดแคลนแรงงานที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล และ 17.96% ต้องลดจำนวนแรงงาน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ

ส่วนทักษะที่ต้องการเสริมให้แรงงานได้เรียนรู้เพิ่มเติม มากที่สุดถึง 59.42% คือ การตลาดและขายผ่านช่องทางออนไลน์ ตามด้วย 54.77% ทักษะเฉพาะทางตามสาขาอาชีพ  35.48% การตลาดและขายหน้าร้าน และ 29.71% ทักษะภาษาต่างประเทศ 

 

นางสาวนารถนารี   กล่าวเสริมว่า   จากผลสำรวจดังกล่าว  ดัชนีเชื่อมั่นที่ปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในปัจจุบัน และอนาคต โดยเฉพาะปัญหาต้นทุนธุรกิจ และทักษะแรงงาน  ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนอยู่ในระดับต่ำ  ในการนี้ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งระยะยาวด้านการบริหารจัดการต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการ  ดังนั้น SME D Bank จัดเตรียมบริการด้านการเงินควบคู่การพัฒนาช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีลดต้นทุนพร้อมกับเพิ่มศักยภาพธุรกิจไปพร้อมกัน

 

ด้านการเงินมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “SME Refinance” วงเงิน 5,000 ล้านบาท  สามารถนำไปใช้วางแผนบริหารจัดการธุรกิจได้ล่วงหน้า และลดต้นทุนการเงิน จุดเด่นดอกเบี้ยต่ำ และเป็นอัตราคงที่  ปีแรก 2.99% ต่อปี และช่วง 3 ปีแรก เฉลี่ยอยู่ที่ 3.50% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุดถึง 15 ปี แถมปลอดชำระเงินต้นสูงสุดถึง 12 เดือน   เปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2566    อีกทั้ง จัดโปรโมชั่นพิเศษ  สำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่เคยใช้สินเชื่อจาก SME D Bank มาก่อน เมื่อยื่นกู้และเบิกใช้วงเงิน ตั้งแต่ 1-50 ล้านบาท ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2566 ได้รับ  “Cash Back” มูลค่าสูงสุด 60,000 บาท สำหรับเป็นค่าประเมินหลักทรัพย์ค้ำประกัน มูลค่าสูงสุด 30,000 บาทต่อราย และค่าจดจำนองหลักประกัน มูลค่าสูงสุด 30,000 บาทต่อราย 

 

ควบคู่กับโปรแกรม “พัฒนา” ฟรี!  ช่วยเสริมแกร่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผ่านโครงการ “SME D Coach” โดยมีโค้ชมืออาชีพ ให้คำปรึกษาและแนะนำธุรกิจ รวมถึง จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะแรงงานที่จำเป็นให้ต่อเนื่อง เช่น  อบรม สัมมนาขยายตลาดออนไลน์ การใช้เครื่องมือเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นต้น 

สนใจรับบริการสินเชื่อและงานพัฒนา แจ้งความประสงค์ได้ผ่านช่องทาง เช่น เว็บไซต์ www.smebank.co.th, LINE Official Account : SME Development Bank เป็นต้น รวมถึงสาขา SME D Bank ทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357

บทความแนะนำ

บทความแนะนำ